3 มิ.ย. 2555

The Cabin in the Woods : อะไรอยู่ใต้กระท่อม ?






หาก Galaxy Quest คือภาพยนตร์ที่สำรวจอาณาจักรของ StarTrek
หาก Enchanted คือภาพยนตร์ที่สำรวจอาณาจักรของ การตูน Disney
The Cabins in the Woods ก็คือภาพยนตร์ที่พาแฟนแดนตายทุกคนไปสำรวจ วิพากษ์อาณาจักรของ “Horror Films”

ดังนั้นหากใครก็ตามที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีความรู้เกี่ยวกับสายหนังแนวนี้มากพอ ความสนุกของคุณจะได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น แต่กลับกัน หากคุณเคยผ่านสายตาไปกับ Evil Dead, Cabin Fever, Friday the 13th, Hellraiser, House of Wax, House on Haunted Hill หรือ ภาพยนตร์ตระกูล Grindhouse แล้ว คุณจะสนุกกับภาพยนตร์เรื่องนี้ยกกำลัง 2 เลยทีเดียว


Cliche’ เป็นภาษาฝรั่งเศส ที่แปลว่า เดาได้ง่าย หรือ เยอะจนโหล  ใช้เรียกภาพยนตร์ที่เดินตามสูตรสำเร็จ ชนิดที่เปิดเรื่องมาก็พอรู้ตอนจบแล้ว และแน่นอน แนวของภาพยนตร์ที่มีความ Cliche’ มากที่สุดก็คือ Horror Film

สูตร หรือ Formula ที่ภาพยนตร์ Horror ส่วนใหญ่ชอบใช้กันคือ Gothic Formula ซึ่งจะอยู่ในวังวนประมาณ
มีกลุ่มคนหรือคณะจากแดนไกลต้องเดินทางไปที่ใดที่หนึ่ง (ส่วนใหญ่จะเป็นที่รกร้างห่างไกลผู้คน)
เมื่อถึงที่นั่นแล้วก็ได้พบเจอกับความลับที่ซุกซ่อนอยู่ในสถานที่นั้น
ตัวละครได้ทำบางอย่างล่วงเกิน หรือด้วยความสงสัยใครรู้บางอย่าง จนทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากตามมา
สถานที่ถูกปิดตายไปไหนไม่ได้
แต่ละคนค่อยๆ ถูกฆ่าตายไปเรื่อยๆ เกมแบบแมวไล่จับหนูเริ่มต้นขึ้น
คนที่ดูแข็งแรงสุดมักตายเป็นคนแรก ตัวละครที่บอบบางที่สุดมักตายเป็นคนสุดท้าย
และสูตรนี้เองที่ช่วงหลังๆ เราจะเห็นจนเกร่อ ซึ่งหลายคนเรียกมันว่า Modern Horror Film มักมีกลุ่มวัยรุ่นเป็นตัวละครหลัก มีเยอะจนเอียน เรื่องที่ผมคิดว่าเป็นตัวแบบสำหรับ The Cabin in the Woods ได้เลยก็คือ Cabin Fever มีองค์ประกอบ Cliche’ ที่ครบครัน เต็มสูตร เดาได้จนหยดสุดท้าย (ดูจาก Poster ที่เกือบจะเหมือนกันเลยก็ได้)




สำหรับใครที่ได้รับชมมาแล้วคงจะรู้แล้วล่ะว่าองค์ประกอบเหล่านั้นได้แก่อะไรบ้าง
ผมจะลองยกตัวอย่างภาพยนตร์ตระกูลนี้ขึ้นมานับดูคร่าวๆ
Evil Dead
House of Wax
Identity (เรื่องนี้ก็วิพากษ์ความ Cliche’ ของหนังตระกูลนี้เช่นเดียวกัน)
Hostel
Friday the 13th
Wrong Turn
Wolf Creek
The Hills Have Eyes
Splinter
See No Evil
The Texas Chainsaw Massacre
ฯลฯ
ซึ่งความ Cliche’ ของภาพยนตร์แนวนี้ก็มักจะเป็นเรื่องของความไม่สมเหตุสมผลของตัวละครที่พาให้พวกเขาเหล่านั้นค่อยๆ ตายลงทีละคน (ในหนังว่าด้วยเรื่องการใช้สารระเหยที่ให้การตัดสินใจของเหยื่อสูญเสียตรรกะไป)



เอาล่ะ เกริ่นมาก็เยอะ เรามาลงลึกสู่ภาพยนตร์เรื่องนี้เลยแล้วกัน

คำประชดสู่เรื่องราว
สิ่งที่เจ็บแสบและ Bad Ass มาของผู้กำกับและคนเขียนบท ดรู กอนดาร์ด และ จอส วีดอนสำหรับ The Cabin in the Woods ก็คือการเสียดสีประชดประชันถึงความซ้ำซาก Cliche ของหนังตระกูลนี้ ด้วยข้อความที่ว่า
“เฮ้ย ที่หนัง Horror สมัยนี้พล็อตมันไม่หนีไปไหน ก็เพราะ แท้จริงแล้ว มันมีองค์กรใต้ดินที่ต้องสร้างสถานการซ้ำๆ ซากๆ ขึ้นทุกปี เพื่อสังเวยแก่ซาตาน ไม่ให้โลกถึงวันโลกาวินาศ ว่ะ 55555+”
และแน่นอนสิ่งที่ต้องสังเวยทั้งหมด ได้แก่

1. จัดหาตัวละครเหล่านี้มาสถานที่กันดารไร้ผู้คน
ตัวละครที่พระเอ้ก พระเอก
สาวผมบลอนด์สุด Sexy
หญิงสาวบริสุทธิ์อันไร้เดียงสา
เด็กคงแก่เรียน
ตัวตลก

2. สร้างสถานการณ์ที่ให้ตัวละครมาเปิดประตูสู่นรก ได้แก่ เครื่องรางต่างๆ
รูบิกมรณะ จาก Hellraiser
หนังสือแห่งความตาย จาก Evil Dead
แผ่นฟิล์มมรณะ จาก The Ring
สายสร้อยอันนี้ผมไม่รู้แฮะ

3. สร้างสถานการณ์ที่ซาตานชื่นชอบให้จงได้
ตัวละครสุด Sexy ต้องเห็นนมนะเออ
ตัวตลกแสดงตลกสร้างความครื้นเครง จากนั้นบรรเลงเลือดจึงเริ่มขึ้น
ตัวละครที่พระเอ้กพระเอกต้องโชว์ทักษะเห่ยๆ ออกมา
ต้องมีฉาก 18+
สะพานหรือถ้ำถล่ม เพื่อปิดประตูสู่ทางออก
ตัวละครค่อยๆ ตายทีละคนๆ อย่างมีรสนิยม
เหลือไว้เพียงตัวละครที่เป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ แสนบอบบาง แล้วแต่โชคชะตาว่าจะตายหรือรอด
ถ้าสำเร็จตามนี้แล้ว ซาตานจะชื่นชอบมาก และไม่ออกมาจากนรก (ว่าไปนั่น)
ซึ่งถ้าหากใครพอเข้าใจถึงความ Cliche ที่มีต่อภาพยนตร์ Horror แนวนี้ และเข้าใจ Point ของหนังที่พยายามจะนำเสนอ จะสนุกและ Enjoy กับเรื่องนี้มาก เพราะเหมือนกับได้พาไปเยี่ยมกับเพื่อนเก่าที่แสนคุ้นเคย (ถ้ากระทู้ฉายหนังโหดยังอยู่ ผมว่าคงคึกคักกว่านี้มากๆ เป็นแน่แท้)

เจาะลึกสู่ห้องใต้ดิน
The Cabin in the Woods ไม่ใช่หนังที่สนุกไปพร้อมกับมัน ในแง่การเอาใจช่วยของตัวละครเท่าใดนัก เพราะ หนังได้แบ่งโลกเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจน นั่นก็คือ โลกของผู้ชักใย กับ ผู้ถูกชักใย น้ำหนักที่จะพาคนดูดำดิ่งไปสู่การเอาใจช่วยของตัวละครที่ไร้ทางสู้จึงถูกลดไปพร้อมกับการเผยโลกใต้ดินและการทำงานของรูปแบบหนังสยองขวัญ โดยพนักงานผูกไทด์หลายร้อยคนแทน (หากคุณไม่เข้าใจ Point ในแต่ละมุกการเสียดสี คุณจะหงุดหงิดมากเวลากำลังสนุกกับเหยื่อในกระท่อมอยู่ดีๆ แล้วหนังดันตัดมาสู่องค์กรใต้ดิน อารมณ์หนังจะกระชากหายไปพอสมควร พร้อมกับตั้งคำถามว่าคนเหล่านี้เป็นใครกัน แต่ถ้าคุณเข้าใจหนังเรื่องมันจะ Funny as Hell เลยทีเดียว)

ดำดิ่ง
เอาล่ะ ในเมื่อโลกของการชำแหละ Horror Film พร้อมแล้ว เราลงไปสำรวจการทำงานของมัน
อย่างที่บอกไปแล้วว่าเส้นทางของหนังมีอยู่ด้วยการ 2 เส้นทาง
นั่นคือ กลุ่มคนที่พยายามดำรงไว้ถึงความ Cliche’ 5555+ กับกลุ่มคนที่ถูกชักใยสำหรับการสังเวยแก่ซาตาน เพื่อดำรงไว้สำหรับความสงบสุขของโลก
แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากตัวละครที่ควรจะตายดันรอด ควรที่จะโง่กลับฉลาด นั่นคือสถานการณ์ที่จะพาเราไปสำรวจลึกสู่การทำงานของ Horror Film นั่นเอง (เหมือนกับประโยคคำพูด ของ Marty ที่ว่า “ฉันว่าเราควรจะลงไปดูนะ”)
“สัญญะในหนัง”
หากเปรียบ The Cabin in the Woods ว่าเป็นโลกของ Horror Film เราลองมาสำรวจดูสัญลักษณ์แฝงในหนังกัน
การสังเวยของตัวละครประเภทต่างๆ แก่ซาตาน ได้แก่
The Scholar
The Athlete
The Virgin
The Fool
The Whore
เปรียบได้กับความ Cleche’  ในแง่ของคาแลคเตอร์ตัวละครสูตรเดิมๆ ในภาพยนตร์ Horror ยุคปัจจุบัน

เทพบรรพกาลเคือใคร ?
เทพบรรพกาล ก็คือ เหล่าคนดูอย่างพวกเราๆ ท่านๆ นี่เองที่ชื่นชอบไปกับการชมฉาก Sex ความรุนแรง การไร้หนทางสู้ และสุดท้ายการเอาใจช่วยต่อหญิงสาวบริสุทธิ์ที่แสนดี ที่อันตรายใดๆ ก็ไม่สามารถพรากเธอไปได้

เหล่านักเชิดคือใคร ?
คือ เหล่าผู้สร้างหนังทั้งหลายที่ยังคงจมอยู่กับวังวนหนังแนวเดิมๆ ทุกปีๆ แถมมีการจิกกัด ซาดาโกะจาก ญีปุ่นด้วยนะ

Director คือใคร ?
สิ่งที่สร้างความเซอร์ไพรส์มากเป็นพิเศษก็คือ ได้ เจ๊ Sigourney Weaver แห่งสุดยอด Horror Film อย่าง Alien มาสวมบทผู้กำกับ หรือ Boss ใหญ่ในแผนก Cabin in the Woods Formula อธิบายการทำงานของมันให้พวกเราได้รับชมกัน
พล็อตของ Alien ก็อยู่ในสูตร Cabin in the Woodsแค่เปลี่ยนให้ กระท่อม เป็นดาว LV-426 ส่วนเครื่องรางก็เป็นไข่ Alien
เอเลี่ยนออกมาลูกเรือก็ค่อยๆ ตายไปทีละคน เหลือ ริบลีย์ หรือ The Virgin สวมชุดชั้นในน้อยชิ้นนอนในแคปซูล ให้เก็บไปคิดว่าจะตายหรือรอด
แถม Joss Whedon ยังเป็นคนเขียนบท Aliens 4 ร่างแรกด้วย

สรุป
The Cabin in the Woods เป็นหนังที่วิพากษ์ และจิกกัดเสียดสี Horror Film ได้อย่างสนุก มีลูกบ้ามากมายให้เราได้สนุกตลอดทั้งเรื่อง (แน่นอนรวมถึงยูนิคอร์น) ฉากกรุแตกทำได้ถึงเครื่อง ทำให้แฟนเดนตายรวมถึงผมได้กระทืบพื้นอย่างสะใจ
คำถามทิ้งท้ายนั่นก็คือ “ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะสร้างความแปลกใหม่ให้แก่วงการหนังสยอง เพราะตอนนี้ไม่มีกระท่อมให้ใครมาติดได้อีกแล้ว รวมทั้งซาตานก็หลุดจากการจองจำแล้วเช่นกัน”



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น